ศาสนาอิสลามกล่าวถึงวันพิพากษาไว้อย่างไร?
ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรมศาสนาหนึ่ง ไม่เคยเห็นด้วยกับลัทธิก่อการร้าย ในพระคัมภีร์กุรอาน พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า:
อัลลอฮ์มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักผู้มีความยุติธรรม.
อัลกุรอาน - 60:8(การตีความความหมาย)
พระศาสดามูหะหมัด ﷺ (สันติภาพอยู่กับเขา) ทรงเคยสั่งห้ามเหล่าทหารหาญไม่ให้เข่นฆ่าบรรดาสตรีและเด็ก ๆ, และพระองค์ทรงแนะนำพวกเขาเหล่านั้นว่า
…จงอย่าคิดคดทรยศ จงอย่าทำอะไรมากเกินไปกว่าความจำเป็น จงอย่าเข่นฆ่าเด็กแรกเกิด
Jami` at-Tirmidhi, 1408
และพระองค์ยังทรงตรัสอีกด้วยว่า:
ผู้ใดก็ตามเข่นฆ่าบุคคลผู้ซึ่งให้การทำนุบำรุงช่วยเหลือชาวมุสลิมจะไม่ได้สัมผัสกลิ่นอายอันหอมรัญจวนของสรวงสวรรค์ แม้ว่ากลิ่นอายดังกล่าวจะขจรขจายอยู่เป็นเวลาถึงสี่สิบปีก็ตาม
Sahih al-Bukhari, 3166
อีกทั้ง พระศาสดามูหะหมัด ﷺ (สันติภาพอยู่กับเขา) ยังได้สั่งห้ามมิให้มีการลงโทษด้วยการเผาไฟอีกด้วย.
ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงเคยลงบัญชีฆาตกรให้อยู่เพียงลำดับที่สองของบาปมหันต์, และพระองค์ยังเคยเตือนเกี่ยวกับวันพิพากษา
และพระองค์ยังเคยเตือนเกี่ยวกับวันพิพากษา {คดีแรกๆ ที่จะได้รับการตัดสินของบรรดาผู้คนในวันพิพากษาโลกนั้นจะเป็นคดีเกี่ยวกับการเข่นฆ่ากันตาย.
Sahih al-Bukhari, 6533
ชาวมุสลิมยังได้รับการส่งเสริมให้มีความกรุณาต่อสัตว์และห้ามทำร้ายสัตว์อีกด้วย ครั้งหนึ่งพระศาสดามูหะหมัด ﷺ (สันติภาพอยู่กับเขา) ได้ทรงตรัสไว้ว่า:
สตรีผู้หนึ่งได้รับการลงโทษเนื่องจากเธอกักขังแมวตัวหนึ่งจนตาย ในการตัดสินเรื่องนี้ เธอถูกพิพากษาให้ลงไปสู่ขุมนรก ขณะที่เธอกักขังแมวตัวนั้น เธอไม่เคยให้อาหารหรือน้ำแก่มันเลย หรือแม้กระทั่งปล่อยให้มันออกมาจับสัตว์กินเป็นอาหารก็หาไม่.
Sahih al-Bukhari, 3318
พระองค์ยังทรงตรัสอีกด้วยว่า มนุษย์ผู้หนึ่งได้ให้น้ำดื่มแก่สุนัขที่หิวกระหายเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงยกโทษบาปทั้งปวงของเขาเนื่องจากการกระทำในครั้งนี้ มีคนทูลถามพระศาสดา ว่า ”ผู้ถือสารจากพระผู้เป็นเจ้า พวกเราจะได้รับการตอบแทนสำหรับความกรุณาที่มีให้ต่อสรรพสัตว์หรือไม่พระเจ้าค่ะ” พระองค์ทรงตรัสว่า:
สิ่งตอบแทนมีไว้สำหรับความกรุณาที่มีต่อทั้งคนหรือสัตว์.
Sahih al-Bukhari, 2466
นอกจากนี้ การนำเอาชีวิตของสัตว์มาเป็นอาหาร ชาวมุสลิมยังได้รับคำบัญชาให้กระทำอย่างนิ่มนวลโดยให้สัตว์นั้นหวาดกลัวและทรมานน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พระศาสดามูหะหมัดั ﷺ (สันติภาพอยู่กับเขา) ไ ด้ทรงตรัสไว้ว่า:
เมื่อพวกเจ้าฆ่าสัตว์ ให้กระทำด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด ผู้นั้นควรลับมีดของเขาให้คมกริบเพื่อช่วยลดความทุกข์ทรมานของสัตว์.
Jami` at-Tirmidhi, 1409
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้และบทความศาสนาอิสลามอื่นๆ แล้ว การกระทำเพื่อสนับสนุนความรุนแรงต่อพลเมืองที่ไร้ทางสู้ การทำลายล้างอาคารบ้านเรือนและทรัพย์สินอื่นๆ อย่างราบคาบ การทิ้งระเบิดและการทำให้ผู้ชาย สตรี เด็กที่บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บถือเป็นการกระทำที่ต้องห้ามและน่ารังเกียจตามหลักศาสนาอิสลามและชาวมุสลิม
ชาวมุสลิมปฏิบัติตามหลักศาสนาในเรื่องของความสันติ ความเมตตา และการให้อภัย และผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงบางอย่างที่เกี่ยวพันกับชาวมุสลิม ถ้าปัจเจกชนที่เป็นชาวมุสลิมเข้าไปพัวพันกับการปฏิบัติการของลัทธิผู้ก่อการร้าย บุคคลผู้นั้นจะละเมิดต่อบัญญัติของศาสนาอิสลาม.
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือการแยกแยะระหว่างการก่อการร้ายและการต่อต้านที่ถูกต้องต่อการครอบครอง เพราะทั้งสองอย่างนี้ต่างกันอย่างมาก
แหล่ง:
islam-guide.com
·
islamicpamphlets.com